ในปัจจุบัน การคุมกำเนิดสามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่น การรับประทานยาคุม การใช้ถุงยางอนามัย และการทำหมัน ซึ่งการทำหมันสามารถทำได้ทั้งในเพศชายและหญิง โดยเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงมากถึง 98–99% แม้ว่าในหลายกรณี การทำหมันเพศหญิงจะพบได้บ่อยกว่า แต่แท้จริงแล้วการทำหมันเพศชายเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย รวดเร็ว และมีความเสี่ยงต่ำกว่าหลายคนเข้าใจ
การทำหมันชาย
การทำหมันชาย (Vasectomy) คือ วิธีการคุมกำเนิดแบบถาวร โดยการตัดและผูกท่อนำอสุจิของเพศชาย เพื่อไม่ให้มีการลำเลียงตัวอสุจิจากอัณฑะออกมาตามท่ออสุจิ เพื่อทำให้เมื่อมีเพศสัมพันธ์ น้ำอสุจิที่หลั่งออกมา ไม่มีตัวอสุจิ เหลืออยู่ จึงไม่ทำให้เกิดการปฏิสนธิหรือการตั้งครรภ์ได้ ขั้นตอนวิธีการทำหมันชาย และข้อควรรู้ก่อนทำตัดสินใจก่อนทำหมันเพื่อทำให้คุณผู้ชายมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องการทำหมันมากยิ่งขึ้น
ข้อควรรู้ก่อนทำหมันชาย
- ไม่ทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศเพราะฮอร์โมนเพศชายยังผลิตเหมือนเดิม ทำให้ฮอร์โมนยังออกจากอัณฑะได้ตามปกติ
- ไม่สัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งอัณฑะมะเร็งต่อมลูกหมากแต่อย่างใด
- น้ำอสุจิเหมือนเดิมแต่ไม่มีตัวอสุจิอยู่ในนั้น
- มีอัตราการล้มเหลวหรือเกิดการตั้งครรภ์ได้ซึ่งเกิดจากท่ออสุจิที่ตัดไปมีการงอกมาเชื่อมกันเอง ด้วยกลไกการสมานแผลของร่างกาย แต่โอกาสเกิดน้อยมาก ประมาณ 2 % หรือ 2 ใน 1000 คน ในขณะที่การทำหมันหญิงมีถึง 0.5 %
จะไม่เป็นหมันทันทีหลังผ่าตัดเพราะจะมีอสุจิเก่าค้างในท่ออสุจิ หลังทำควรคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัยไปก่อนและ - พยายามหลั่งอสุจิบ่อย ๆ เพื่อขับอสุจิที่ค้างออก จากนั้นแพทย์จะนัดตรวจน้ำอสุจิในช่วง 1-3 เดือนหลังทำ เพื่อยืนยันว่าไม่มีตัวอสุจิเหลืออยู่ถึงจะถือว่าเป็นหมันเเล้ว
ทำหมันชาย ดีอย่างไร?
- มีประสิทธิภาพในการตั้งครรภ์สูงกว่าการทำหมันหญิง
- ผ่าตัดครั้งเดียว สามารถคุมกำเนิดได้ตลอดชีวิต
- ไม่มีผลต่อสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย ไม่ได้ทำให้ sex เสื่อม เนื่องจากการผ่าตัดไม่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาท
- การสร้างหรือการใช้ฮอร์โมนเพศของร่างกาย
- มีรายงานความสุขทางเพศหลังจากทำหมันชายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์
- การทำหมันชาย ไม่มีผลทำให้กำลังการทำงานลดลง
- ไม่มีผลต่อการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งอัณฑะ หรือโรคมะเร็งชนิดใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้ทำหมันและคู่สมรส
ข้อเสียที่อาจพบได้หลังผ่าตัดทำหมันชาย
- เกิดลิ่มเลือดคั่งในบริเวณถุงอัณฑะ (พบประมาณ 1%) มีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บของหลอดเลือดที่อยู่โดยรอบหลอดนำอสุจิ ถ้าลิ่มเลือดคั่งมีขนาดเล็ก ร่างกายจะดูดซึมเลือดที่คั่งให้หายไปได้เองภายในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ หากมีขนาดใหญ่ และมีอาการปวดมาก ควรรีบกลับมาพบแพทย์
- แผลผ่าตัดติดเชื้อ (พบน้อยมาก) มีอาการบวมแดง ปวดอัณฑะ หรืออาจมีหนองไหลออกมาจากแผล หากมีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์ก้อนในถุงอัณฑะ เป็นก้อนอสุจิจากการรั่วของแผลผ่าตัดผูกหลอดนำอสุจิ โดยอสุจิจะเกาะอยู่รอบๆ ปลายหลอด ก่อการอักเสบโดยรอบและจับตัวกันเป็นก้อนห่อหุ้มปลายหลอด ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด สามารถรักษาโดยการพักผ่อนร่างกาย และให้ยาต้านการอักเสบ
- ปวดหน่วงเรื้อรังที่อัณฑะ (พบในอัตรา 1 : 2,000) มีสาเหตุมาจากความดันที่เพิ่มขึ้นภายในหลอดนำอสุจิด้านที่ติดกับลูกอัณฑะเนื่องจากยังมีการสร้างอสุจิได้อยู่เหมือนเดิม แต่ไม่สามารถถูกปลดปล่อยออกมาได้ เพราะผลจากการถูกผ่าตัดหลอดนำอสุจิ
การดูแลตนเองหลังผ่าตัดทำหมันชาย
- อย่าให้แผลโดนน้ำเป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน
- งดเว้นการยกของหนัก หรือออกกำลังกายหนัก หลังผ่าตัด อย่างน้อย 3 วัน
- งดการมีเพศสัมพันธ์ อย่างน้อย 7 วัน
- หลังการผ่าตัด ควรใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ถุงยางอนามัยอย่างน้อย 3 เดือน หรือจนกว่าจะได้รับการตรวจยืนยันแล้วว่าไม่พบตัวอสุจิในน้ำเชื้อ
สรุป
การทำหมันชายเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย เหมาะกับผู้ที่มีบุตรแล้วและต้องการคุมกำเนิดแบบถาวร การผ่าตัดใช้เวลาไม่นาน และสามารถกลับบ้านได้ในวันเดียว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการทำหมันเป็นการคุมกำเนิดถาวร ผู้ที่ยังไม่มีบุตรหรือยังไม่แน่ใจในอนาคต ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
ทำหมันแล้วอยากกลับมามีลูกได้ไหม
หากพูดถึงเรื่องการทำหมัน หลายคนอาจคุ้นเคยกับการทำหมันขอ
จู๋โค้งงอ แก้ยังไงดี
การผ่าตัดแก้ไขอวัยวะเพศชายโค้งงอ คือ ขั้นตอนการรักษาทาง
ฝังมุก ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
การฝังวัสดุที่มีลักษณะกลมเกลี้ยง ขนาดประมาณ 4-10 มิลลิเ